สถานะการณ์เลิกกิจการแบงค์ทั้งยัง 2 ที่นี้ จะเรียกว่าวิกฤตเศรษฐกิจโลกที่จะกระทบกันเป็นโดมิโน
จากเหตุการณ์ตลาดการคลังโลกที่ 2 แบงค์ในสหรัฐ ธุรกิจ อย่าง แบงค์ Silvergate Capital ที่ให้บริการ Cryptocurrency แล้วก็แบงค์ Silicon Valley Bank (SVB) ที่ให้บริการปลดปล่อยสินเชื่อธุรกิจ Start up ซึ่งมีขนาดเงินทองรวมกันกว่า 2 แสนล้านดอลลาร์ เลิกกิจการด้านในอาทิตย์เดียว ทำคนกำเนิดความรู้สึกกังวลใจแห่เบิกเงินจนกระทั่งเกิดภาวะ Bank Run จนกระทั่งจำเป็นต้องขายพันธบัตรในขณะที่ขาดทุนเพื่อนำเงินไปคืนให้กับคนที่มาไถ่คืน จนถึงแบงค์มีการขาดทุนมากยิ่งกว่า 1.8 พันล้านดอลลาร์
ไทยได้รับเอฟเฟกต์จากสถานะการณ์คราวนี้ยังไง นายอมรเทวดา จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ประธานสำนักศึกษาค้นคว้า แล้วก็ที่ปรึกษาการลงทุน แบงค์ ซีไอเอ็มบี ไทย มีมุมมองจากเหตุการณ์ Silicon Valley Bank (SVB) ในสหรัฐอเมริกา ไว้ดังต่อไปนี้
SVB เป็นผู้ใด
SVB หรือ Silicon Valley Bank เป็นธนาคารใหญ่เป็นชั้น 16 ในสหรัฐด้วยทรัพย์สิน 2.09 แสนล้านดอลลาร์ โดยมาทำธุรกิจกับกรุ๊ป Start up หรือกรุ๊ปเทค ปัจจุบันในวันศุกร์ที่ผ่านมาถูกสั่งปิดโดย FDIC หรือ Federal Deposit Insurance Corp. คล้าย หน่วยงานคุ้มครองป้องกันเงินออม (แม้กระนั้นป้องกันเพียงแต่ 250,000 ดอลลาร์ ซึ่งมีเพียงแต่ 3%ของบัญชีในธนาคารนี้ (อีกราว 97% มีเงินมากยิ่งกว่ารวมทั้งยังไม่จ่ายที่เหลือคืนจนกระทั่งจะขายสินทรัพย์ได้ ลองคิดดูธุรกิจจะจ่ายคู่ค้าหรือบุคลากรอย่างไร)
เพราะเหตุใดล้ม
ปัญหาของธนาคารนี้เป็นมีเหตุมาจากความน่าไว้ใจ กำเนิด bank run หรือคนยังไม่มั่นใจแห่เบิกเงินหลายชิ้น โดยส่วนมากมาจาก partners ที่เป็น Private Equity, Venture Capital, Tech, Health tech เพียงแค่วันพฤหัสบดีวันเดียวมีคนเบิกเงินฝากไปราว 1ใน 4 ของเงินออมทั้งปวง ธนาคารขาดกระแสการเงินเวียน เผชิญกับปัญหาสภาพคล่องจนกระทั่งลุกลามคือปัญหาล้มละลาย FDIC ก็เลยจำต้องโกรธแค้นงับธุรกิจการค้า โอนเงินฝากให้ธนาคารที่จะก่อตั้งใหม่ ขอย้ำว่าวิกฤว่ากล่าวนี้ไม่เสมือนปี 2008 ตอนเลห์แมนล้ม ในขณะนั้นเป็นปัญหาการเสี่ยงด้านเครดิตจากการลงทุนในอนุพันธ์ด้านอสังหา ปัจจุบันนี้เป็นการเสี่ยงด้านตลาดหรือภาวะคล่องแคล่ว จากดอกขาขึ้นและก็ขาดการจัดการที่ดีด้านระยะเวลาเงินออมรวมทั้งสินเชื่อ
เพราะเหตุใดคนไม่วางใจ
อยู่ๆ ราคาหุ้นหล่นลง 60% ในวันเดียวจากความรู้สึกกลุ้มใจว่าจะมีการเพิ่มทุนจำนวนไม่น้อย เพื่อทดแทนการขาดทุนอย่างใหญ่โตจากแนวทางการขายพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ จริงๆ ถ้าเกิดไม่ขายก็ไม่ขาดทุน (แม้กระนั้นจำต้องรับทราบ Fair Value ผ่าน Balance sheet) เรียกว่า unrealized loss เป็นราคาพันธบัตรลดน้อยลงต่ำว่าหน้าตั๋ว เพราะว่าเมื่อดอกขึ้นแรง ราคาพันธบัตรที่สวนกับดอกที่ขึ้นจะน้อยลง เมื่อ SVB อยากได้เงินก็ต้องขายขาดทุน เพียงพอขาดทุนก็ปรารถนาเงิน ไปขอเพิ่มทุน คนก็กลัวเทขายหุ้น คนฝากก็ panic ตระหนกตกใจเบิกเงิน จนถึงเป็นภาวการณ์ปิดตัวแบบนี้ รวมทั้งอีกหัวข้อที่เพราะเหตุไรไม่มีเงินก็เพราะว่าธุรกิจเทคในสหรัฐ โดยยิ่งไปกว่านั้นเทคตัวเล็กขาดทุนอยู่มากมาย ยังไม่มีผลกำไรหรือกระแสการเงินสดดี เพียงพอดอกขึ้นสม่ำเสมอยิ่งมีปัญหา กระทบธนาคารนี้ไปด้วยที่ย้ำธุรกิจกลุ่มนี้
จะลุกลามไหม
ในตอนวันพุธถึงวันพฤหัสพวกเรามองเห็นราคาหุ้นกรุ๊ปแบงค์ปรับย่อลงด้วยเหตุว่าความไม่สบายใจว่าจะมีธนาคารอื่นล้มด้วยไหม แต่ว่าปัญหานี้น่าอยู่ในธนาคารขนาดเล็กที่เน้นย้ำกรุ๊ปเทคหรือ start up เป็นหลัก ซึ่งต่างกับธนาคารใหญ่ ในวันศุกร์แล้วหุ้นธนาคารใหญ่รู้สึกตัว แต่ว่าธนาคารเล็กลงต่อ โดยรวมไม่น่าลุกลาม โดยแบงค์ที่มีการถือตราสารที่ดี ยังสามารถเข้าถึงสภาพคล่องจากเฟดได้ แต่ว่าอาจมีธนาคารที่มีปัญหาเพิ่ม ในกรุ๊ปที่ขาดทุนจากอัตราค่าดอกเบี้ยที่ขึ้นแรงในสหรัฐ กระทั่งราคาพันธบัตรลดน้อยลง (จริงๆ หากถือจนถึงครบอายุคำสัญญาจะไม่ขาดทุน) จะต้องมองว่าคนไหนกันแน่ร้อนเงินอีก หรือมีผู้ใดกันแน่โดนแห่เบิกเงินจากวิกฤติเชื่อถือบ้าง (สำคัญๆน่าจะเป็นแบงค์ที่ทำธุรกรรมเกี่ยวบกับกลุ่มเทค ที่ลงทุนใน Crypto ในรูปร่างที่มีความนัยสำคัญ)
ตลาดเงินตราตลาดทุนจะปั่นป่วนเช่นไร
ตลาดหลักทรัพย์คงจะยังผันแปรจากความไม่สาบายใจว่าจะมีธนาคารไหนเป็นรายถัดไปที่ล้ม หรืออย่างต่ำก็ห่วงการลงทุนในกรุ๊ปการคลังไว้ก่อน แล้วก็กรุ๊ปเทคขนาดเล็กที่คนบางทีอาจวิตกกังวลปัญหาไม่มีเงินทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนอัตราค่าดอกเบี้ยขาขึ้นแบบนี้
จะมีการไม่มีงานทำร้ายแรงไหม
ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการตกงานในสหรัฐ ถ้าจะมากขึ้น ก็น่ากลุ่มในกรุ๊ปเทคที่จะมีการเลิกว่าจ้างเพิ่มเติมอีก แม้กระนั้นก็ไม่น่าประหลาดใจ เพราะเหตุว่าดอกที่สูงมากขึ้นทำเงินลงทุนสูงตาม รายได้โตไม่ทัน ต้องหาทางลดค่าใช้จ่าย ลดคน แม้กระนั้นไม่น่าร้ายแรงไปกระทบภาคอื่นมากมาย สหรัฐยังไม่อัตราการตกงานต่ำ ถึงแม้ขยับเป็น 3.6% แม้กระนั้นก็ถือว่าต่ำมากมาย โดยยิ่งไปกว่านั้นยังมีการเติบโตของค่าแรงงานในกรุ๊ปภาคบริการมากมาย หาคนทำงานยาก ปัญหานี้ยังลากยาว ไม่น่าทำให้คนตกงานเยอะขึ้นจากกรณี SVB ล้ม
เงินเฟ้อได้โอกาสน้อยลงหรือเปล่าถ้าเศรษฐกิจมีปัญหา
อัตราเงินเฟ้อในสหรัฐได้โอกาสต่ำลงจากปีกลายที่เฉลี่ย 8% ปีนี้น่าอยู่ที่ราว 4% แม้กระนั้นถ้าเกิดจะลดน้อยลงแบบเดือนต่อเดือน คงจะยาก ด้วยเหตุว่าอัตราจ้างยังสูงมากขึ้น บริษัทยังจะต้องขยับราคาผลิตภัณฑ์เพิ่ม รวมทั้งการคาดเดาราคาผลิตภัณฑ์ยังสูง แม้กระนั้นถ้าเศรษฐกิจสหรัฐมีปัญหา ชะลอลงแรงจริง อัตราเงินเฟ้อก็บางทีอาจน้อยลงได้บ้าง แม้กระนั้นไม่น่าลงได้เร็วเสมือนในสมัยก่อน ด้วยเหตุว่ามีปัญหาเชิงองค์ประกอบ ห่วงโซ่อุปทานยังมีปัญหา
เฟดจะชะลอการขึ้นดอกรอบเดือนเดือนมีนาคมหรือเปล่าและก็จะจบรอบเร็วขึ้นได้ไหม
ถ้าเกิดเฟดจะลดความร้อนแรงของการขึ้นดอกในมี.ค. ไม่ขึ้น 0.50% แม้กระนั้นขึ้นเพียงแค่ 0.25% รวมทั้งระดับดอกสูงสุดบางทีอาจอยู่ที่ระดับ 5.75% ไม่ใช่ไปแตะต้องระดับ 6.00% รวมทั้งใกล้จบรอบการขึ้นดอกในก.ค.นี้ ซึ่งความไม่เที่ยงจากจำนวนอัตราตกงานที่มากขึ้น การเพิ่มของค่าแรงไม่เร่าร้อน การขึ้นดอกบางทีอาจเป็นแบบค่อยๆเป็นค่อยๆไป แต่ว่ายังจำเป็นต้องอยู่ เนื่องจากเงินเฟ้อยังสูง กรณี SVB บางทีอาจไม่มีน้ำหนักมากมายถ้าหากไม่ลุกลามและก็ร้ายแรง
ผลพวงต่อไทยข้างหลังปัญหาสภาพคล่องในสหรัฐ
ส่วนมากผลพวงต่อไทยในระยะสั้นจะผ่านตลาดเงินตราและก็ตลาดทุน ที่ยังมีทิศทางผันแปรในอาทิตย์หน้า อาจมีแรงเทขายในทรัพย์สินเสี่ยงบ้างในระยะสั้น แม้กระนั้นตลาดน่าให้น้ำหนักการรอตัวของค่าจ้างงานแล้วก็อัตราตกงานที่มากขึ้นในสหรัฐ แม้กระนั้นบางทีอาจคอยจำนวนเงินเฟ้อ ยอดขายปลีก แล้วก็อื่นๆ เพื่อมองสัญญาณว่าเฟดจะขึ้นดอกต่อแรงหรือเปล่า ซึ่งกรณี SVB อาจมีน้ำหนักด้านเสถียรภาพตลาดการคลัง ทำให้เฟดขึ้นดอกแบบค่อยๆเป็น ค่อยๆไป เงินน่ากลับมาตลาดกำเนิดใหม่ เงินบาทน่าขยับแบบ sideway 35-36 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐได้
ส่วนถ้า SVB มีปัญหาลุกลามต่อหรือมีความไม่เที่ยงต่อ ก็บางทีอาจกระทบภาคการส่งออกของไทยซึ่งก็ไม่ค่อยดีอยู่แล้ว ให้ชะลอต่อได้ ส่วนราคาน้ำมันในตลาดโลกน่าย่อลงตามอุปสงค์ที่อ่อนแอลง ทำให้การนำเข้าไทยต่ำลงตาม ไม่น่ามีปัญหาขาดดุลการค้าบัญชีเดินสะพัดเหมือนเก่าหน้า ส่วนภาคการท่องเที่ยวของไทยไม่น่ากระทบ โดยรวมปัญหานี้น่ากลุ่มในสหรัฐ ไม่น่ากระทบทวีปเอเชียแปซิฟิคเท่าไรนัก โดยยิ่งไปกว่านั้นจีนที่ยังเติบโตได้ดี แม้กระนั้นแน่ๆว่าการส่งออกไม่เบิกบาน
สำหรับแบงค์ไทย อาจจะไม่น่าจะมีปัญหา เพราะทาง BOT มิได้อนุญาตให้แบงค์ลงทุนใน Crypto โดยตรง ช่วงเวลาที่กรุ๊ปการคลังก็ยังคงถูกควบคุมอย่างเข้มงวดจาก Regulators ของไทย
คำเสนอแนะการลงทุนในตอนนี้
มั่นใจว่าปัญหาภาคแบงค์ของสหรัฐกลุ่มในแบงค์ขนาดเล็กที่เชื่อมโยงกรุ๊ปเทคหรือกรุ๊ป start up และก็มีการขาดทุนทางจำนวนที่ไม่รับทราบ (unrealized loss) สำหรับแบงค์ที่ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ แม้กระนั้นด้วยความน่าไว้ใจที่ยังดี รวมทั้งถ้าเกิดแบงค์ถือพันธบัตรจนถึงครบอายุคำสัญญา ก็ไม่เสี่ยงขาดทุน (ผลพวงคงจะอยู่ในระดับจำกัด) ก็เลยคิดว่าเป็นความปั่นป่วนระยะสั้น ไม่ลุกลามจนกระทั่งกำเนิดวิกฤติเศรษฐกิจ ซึ่งการลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ รากฐานดี กระจัดกระจายการลงทุนทั่วทั้งโลกยังน่าทำเป็น นอกเหนือจากนี้ ที่ลุ้นเป็นเงินเฟ้อสหรัฐถึงแม้ยังอยู่ในชั้นสูง แต่ว่ามีท่วงท่าชะลอลง ซึ่งนักลงทุนน่าหาจังหวะเข้าสะสมพันธบัตรหรือตราสารหนี้สิน ที่ใกล้ถึงจุดสุดยอด ส่วนภาคทวีปเอเชียแปซิฟิคโดยเฉพาะอย่างยิ่งจีนยังน่าดึงดูด พวกเราบางทีอาจให้น้ำหนัก A-share หรือหุ้นในจีน มากยิ่งกว่า H-share ที่มีกรุ๊ปเทคในประเทศฮ่องกง โดยรวมน่ามองเห็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในจีนรวมทั้งจีนน่าหาทางลดความปั่นป่วนในตลาดทุนเทียบเคียงสหรัฐได้
นอกเหนือจากนี้ ที่ลุ้นเป็นเงินเฟ้อสหรัฐหากแม้ยังอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง แม้กระนั้นมีทีท่าชะลอลง ซึ่งนักลงทุนน่าหาจังหวะเข้าสะสมพันธบัตรหรือตราสารหนี้สิน ที่ใกล้ถึงจุดสุดยอด ส่วนภาคทวีปเอเชียแปซิฟิคโดยเฉพาะอย่างยิ่งจีนยังน่าดึงดูด พวกเราบางทีอาจให้น้ำหนัก A-share หรือหุ้นในจีน มากยิ่งกว่า H-share ที่มีกรุ๊ปเทคในประเทศฮ่องกง โดยรวมน่ามองเห็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในจีนและก็จีนน่าหาทางลดความปั่นป่วนในตลาดทุนเทียบเคียงสหรัฐได้
Lesson learned ข้อคิดเตือนใจที่ได้จากกรณี SVB
อย่าใส่ไข่ทุกใบในกระเช้าใบเดียว ควรจะกระจัดกระจายการลงทุน อย่าเป็นเสมือนคนฝากเงินใน SVB ที่พึ่งพิงธนาคารเดียว และก็นักลงทุนไม่ลงทุนในทรัพย์สินใดประเภทเดียว
วิกฤติเปลี่ยนรูปแบบเสมอ จากด้านเครดิตปี 08 เป็น mismatch รวมทั้งสภาพคล่องปี 23 หรืออาจมีรูปแบบใหม่ๆ เข้ามา แต่ว่าในตอนดอกขาขึ้นในระดับค่อนข้างสูงแบบนี้ บางทีอาจมองเห็นธุรกิจอื่นที่มีปัญหาแอบซ่อนไว้รอคอยผุดขึ้นได้
ถึงแม้ตลาดจะรู้สึกตัว แต่ว่านักลงทุนยังควรรอบคอบความเปลี่ยนแปลงถัดไปจากการขึ้นดอกของเฟด แล้วก็ภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐ น่าแบ่งเงินลงทุนเป็นหลายๆ ไม้ เบาๆ ลงทุนทีละเล็กทีละน้อยกระทั่งครบจุดหมาย ไม่ชี้แนะลงทุนทีเดียวครบ เพราะเหตุว่าพวกเราเป็นไปไม่ได้ทราบแนวทางตลาดและไม่ควรต้องได้ราคาต่ำสุดเสมอ แม้กระนั้นน่ารู้เรื่องบันเทิงใจไปด้วย
โดยสรุป กรณี SVB น่าจะเป็นปัญหาเฉพาะกรุ๊ปจากการรีบขึ้นดอกของเฟดที่กระทบราคาพันธบัตรรวมทั้งส่งผลให้กรุ๊ปเทคและก็กรุ๊ป Start up มีปัญหาขาดทุนตลอด กระทั่งกระทบแบงค์ที่เชื่อมโยงกับกลุ่มนี้ แล้วก็ผู้ฝากเงินขาดความมั่นใจและความเชื่อมั่นกระทั่งแห่เบิกเงิน และก็ปัญหาอย่างเช่น SVB นี้ไม่น่าลุกลามกระทั่งกำเนิดวิกฤติการคลังราวกับในปี 2008 เนื่องจากการเชื่อมต่อกับภาคเศรษฐกิจจริงอื่นๆมีน้อยรวมทั้งขนาดของแบงค์ที่มีปัญหามิได้ใหญ่กระทั่งมีนัยะสำคัญต่อเศรษฐกิจสหรัฐ
แม้กระนั้นถ้าเหตุการณ์เปลี่ยนไปในทางชั่วร้าย หรือยังมีอีกหลายธุรกิจที่จะได้รับผลพวงจากดอกที่สูง ผลประกอบการจะถูกปรับต่ำลง บางธุรกิจขาดทุนจนถึงจำต้องปิดตัว มีการเลิกว่าจ้างงานเยอะมากๆ กำเนิดเป็นภาวะเศรษฐกิจลดน้อย แต่ว่าเงินเฟ้อกลับไม่น้อยลงด้วยเหตุว่ามีปัญหาเชิงองค์ประกอบและก็ปัญหาห่วงโซ่อุปทาน ภาพแบบงี้เป็นสภาวะ Stagflation ที่น่าสยดสยอง และก็ยากสำหรับการปรับปรุงแก้ไขด้วยแนวนโยบายการคลัง จนกระทั่งสถานะการณ์บางทีอาจเลวทรามหนักกว่ารอบก่อนๆ ก็ได้ถ้าว่า SVB ที่พวกเรามองเห็นเป็นเพียงแค่หนังตัวอย่าง แล้วก็ของแท้กำลังจะตามมา ซึ่งผมยังมิได้ดูภาพไม่ดีแบบนั้น แล้วก็มั่นใจว่าเฟดมีความยืดหยุ่นพอที่จะดูแลปัญหาในลักษณะนี้